วิธีการเตรียมตัวก่อน - หลัง ในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19
วิธีการเตรียมตัวก่อน - หลัง ในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สามารถลดความรุนแรงของอาการป่วยและลดการเสียชีวิตได้ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ถือเป็นภาวะฉุกเฉินของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลกกว่าร้อยล้านคน มีผู้เสียชีวิตมากกว่าสามล้านคน (ข้อมูลวันที่ 30 มิ.ย. 2564) ทางทีมงาน Wellness Mall มีวิธีการเตรียมตัวก่อน - หลัง ในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ดังนี้
การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
1. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในช่วง 2-3 คืน ก่อนฉีดวัคซีน เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย ไม่ควรอดนอนเพราะจะกระตุ้นให้หลอดเลือดในร่างกายหดตัวได้
2. ควรรับประทานอาหาร น้ำดื่มให้เพียงพอ (ประมาณ 3-5 แก้ว) ในช่วง 12 ชั่วโมง ก่อนฉีดวัคซีน เพื่อช่วยให้หลอดเลือดขยาย การขับถ่ายของเสียต่าง ๆ ในร่างกายก็จะดีขึ้น
3. ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ถ้ามีอาการป่วยในวันฉีดวัคซีน ควรเลื่อนนัดไปก่อน เพราะถ้าป่วย วัคซีนอาจจะกระตุ้นภูมิได้ไม่ดี หรืออาจส่งผลให้โรคที่เป็นอยู่มีอาการแย่ลง
4. ควรฉีดวัคซีนบริเวณแขนที่ไม่ถนัด และหลังฉีดควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักประมาณ 2 วัน
5. ควรเว้นระยะห่างจากวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อย่างน้อย 1 เดือนส่วนการฉีดวัคซีนชนิดอื่น ๆ แนะนำให้เว้นระยะอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนขึ้นโควิดและวัคซีนที่ต้องการใช้ร่วม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาจากการฉีดวัคซีนพร้อมกันและการรบกวนการสร้างภูมิคุ้มกัน)
6. ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น แอลกอฮอล์ ชา กาแฟโกโก้ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ควรงดอย่างน้อย 1 วัน ก่อนฉีดวัคซีน เพราะอาจทำให้หลอดเลือดหดตัวมากขึ้น จึงเพิ่มโอกาสได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีน
7. ไม่ควรการออกกำลังกายหนัก 2 วัน ทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน
8. ไม่ควรกินยาลดไข้ ยาแก้ปวด ก่อนฉีดวัคซีน เพราะยาอาจบดบังการตอบสนองต่อวัคซีน
9. สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง สามารถรับประทานยารักษาโรคได้ตามปกติ ไม่ควรหยุดยาเอง (ยกเว้นแพทย์แนะนำให้หยุดยาเพื่อให้ได้ผลดีจากการฉีดวัคซีน) และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน
สำหรับผู้ที่รับประทานยา
ยาแอสไพริน ไม่ควรกินยาแอสไพรินเพื่อหวังผลป้องกันอาการลิ่มเลือดอุดตันจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 เพราะอาการนี้ไม่ได้เกิดจากวัคซีนเพียงอย่างเดียว แต่จะพบได้ในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำมาก ๆ ดังนั้น การกินแอสไพรินในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำมาก ๆ อยู่แล้วอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากวัคซีนที่รุนแรงกว่าเดิมก็เป็นได้
ยาที่มีผลทำให้หลอดเลือดแดงหดตัว เช่น ยาแก้ปวดไมเกรน ยาแก้คัดจมูก ยาลดน้ำมูก (Pseudoephedrine) ยาต้านซึมเศร้า กลุ่ม SSRI หรือ SNRI หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงยากลุ่มนี้ในช่วง 1-2 วัน ก่อนฉีดวัคซีน หรือหากจำเป็นต้องกินควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน
หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อาจจะเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 แบบได้แก่
1. อาการไม่รุนแรง สามารถหายได้เองภายใน 3 วัน เป็นอาการทั่วๆ เช่น มีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ หรือปวด บวม แดง คันหรือซ้ำบริเวณที่ฉีดยา อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สบายตัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรือมีอาการชาเฉพาะที่ สามารถรับประทาน ยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม 1 เม็ด และรับประทานซ้ำได้โดยห่างกัน 6 ชั่วโมง
2. อาการรุนแรง พบได้ไม่บ่อยหรือพบได้น้อย เช่น มีก้อนบริเวณที่ฉีดยา เวียนศีรษะ มึนงง ใจสั่น ปวดท้อง อาเจียน ความอยากอาหารลดลง เหงื่อออกมากผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองโต ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชักหมดสติ อาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ควรรีบพบแพทย์เพื่อแจ้งอาการ
3.อาการแพ้วัคซีน เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรงความดันตก หลอดลมตีบ หายใจลำบาก มีผื่นขึ้นตามตัว หากพบว่ามีอาการรุนแรง หลังการฉีดวัคซีนควรรีบพบแพทย์ทันที
หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบพบแพทย์ หรือโทรสายด่วน 1669 ,1422 เพื่อแจ้ง อาการที่เกิด และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด